ชนเผ่าอินเดียนแดง (Native Americans) หรือบางครั้งเรียก ชนพื้นเมืองชาวอเมริกัน เป็นกลุ่มชนเผ่าที่อาศัยในสหรัฐอเมริกา มานานก่อนที่ชาวยุโรปจะเข้ามาอพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกราก (หรือจริงๆเเล้วคือเจ้าของพื้นที่นั้นเอง) ในอดีตได้มีสงครามเกิดขึ้นมากมายในประเทศสหรัฐอเมริกา ในการแย่งชิงดินแดน การต่อสู้ รวมถึงการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างชาวอเมริกา กับชาวอินเดียนแดง ทำให้อินเดียนแดงได้ลดจำนวนลงอย่างมากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15-19
โดยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มีการกำหนดขยายดินแดนของชาวอเมริกันทำให้เกิดการขยายตัวของพลเมือง และการขับไล่ชาวอินเดียนแดงออกไปอยู่บริเวณส่วนตะวันตกของประเทศ โดยชาวอินเดียนแดงกว่าหนึ่งแสนคนได้ถูกย้ายไปอยู่บริเวณตะวันตก ถึงแม้ว่าการย้ายถิ่นฐานที่ลงในลายลักษณ์อักษรปรากฏในกฎหมายของสหรัฐอเมริกา จะเป็นการย้ายตามการสมัครใจ แต่ในทางปฏิบัติชาวอินเดียนแดงหลายเผ่าได้ถูกบังคับให้ย้ายและบังคับให้มีการเซ็นสัญญา ทำให้เกิดมีข้อขัดแย้ง ที่เรียกว่า สงครามอินเดียนแดง เกิดขึ้นหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา และเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2419 ทางการสหรัฐได้ออกคำสั่งให้ชาวอินเดียนแดงทั้งหมดถูกสั่งให้ย้ายเข้าไปอยู่อาศัยในเขตสงวนอินเดียนแดง ในปัจจุบันชาวอินเดียนแดงยังมีการอาศัยปะปนการชาวอเมริกัน และบางส่วนได้เข้ารับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยร่วมกับชาวอเมริกันทั่วไป
ปี 1977 รัฐบาลสหรัฐฯ บังคับให้อินเดียนเผ่าเน็ซเพอร์ซ อพยพออกจากบริเวณหุบเขาวัลโลวา ที่พวกเขาอาศัยอยู่กันมาหลายชั่วอายุคน ให้ไปอยู่ในเขตสงวนแลปไว ที่ทางการจัดให้ แต่โจเซฟหัวหน้าเผ่าเน็ซเพอร์ซ ปฏิเสธที่จะอพยพออกไปจากดินแดน ของพ่อแม่พวกเขา รัฐบาลคนขาวจึงส่งนายพลโฮเวิร์ด พร้อมกำลังทหารมาจัดการกับเผ่าเน็ซเพอร์ซ
หัวหน้าโจเซฟพาคนของเขา ซึ่งประกอบด้วยนักรบ 250 คน ผู้หญิงและเด็ก 450 คน ม้าอีก 2,000 กว่าตัว ข้ามแม่น้ำหนีกองทัพ ของนายพลโฮเวิร์ด ที่ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด และเข้าโจมตีนักรบอินเดียนแดง ด้วยกำลังพลที่มากกว่า แต่หัวหน้าโจเซฟและบรรดานักรบ ได้ใช้ความเชี่ยวชาญที่เหนือกว่า ต่อสู้จนทหารผิวขาวต้องแตกพ่ายกลับไปทุกครั้ง
หัวหน้าโจเซฟพาคนของเขาซึ่งมีทั้งคนแก่ ผู้หญิง และเด็ก หนีเตลิดไปไกลกว่า 300 ไมล์ สร้างความประหลาดใจ ให้แก่กองทัพบกสหรัฐฯ เป็นอย่างยิ่ง ทางกองทัพกลัวว่า หากข่าวนี้แพร่ออกไป จะเป็นการประจาน ความไร้ประสิทธิภาพของทหาร ที่ไม่สามารถจัดการกับ อินเดียนเผ่าเล็ก ๆ นี้ได้ จึงสั่งเคลื่อนกำลังทหาร หลายพันนายเข้ามา เพื่อทำการรบให้แตกหักเป็นครั้งสุดท้าย
กองทหารม้าสหรัฐฯ เดินทางมาถึงบริเวณแม่น้ำมิสซูรี และได้เข้าโอบล้อมชาวเน็ซเพอร์ซ ซึ่งขณะนั้นเหลือนักรบไม่กี่สิบคน กับเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ที่กำลังจะตาย เพราะความหิวโหย และพายุหิมะ ทหารยื่นคำขาดให้อินเดียนยอมจำนน อย่างไม่มีเงื่อนไข หัวหน้าโจเซฟตระหนักดีว่า พวกเขาไม่มีทางชนะอีกต่อไป
ที่ตรงนี้เอง หัวหน้าโจเซฟได้กล่าวคำประกาศยอมแพ้ คำประกาศนี้ สะเทือนหัวใจทุกคน จนกลายเป็นสุนทรพจน์ประวัติศาสตร์ ที่มีการกล่าวถึงบ่อยที่สุด
“บอกนายพลโฮเวิร์ดเถิดว่าข้ารู้ถึงหัวใจของเขา สิ่งที่เขาบอกข้า ฝังอยู่ในหัวใจของข้ามาก่อน ข้าเหนื่อยที่จะสู้รบต่อไป หัวหน้าของเราถูกฆ่าหมด ลุกกิ้ง กลาส ตายแล้ว มันเป็นเรื่องของคนหนุ่ม ที่จะพูดว่าสู้หรือไม่สู้ ผู้ที่นำคนหนุ่มทั้งหลายออกรบตายไปแล้ว อากาศหนาวเย็น และเราต้องการผ้าห่ม เด็ก ๆ ของเรากำลังจะหนาวตาย ประชาชนของข้า หนีไปซ่อนตัวในหุบเขา ไม่มีผ้าห่ม ไม่มีอาหาร และไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน บางทีอาจจะหนาวตาย ข้าต้องการเวลาที่จะค้นหาเด็ก ๆ ของข้า และนับดูว่าเหลือรอดกี่คน บางทีข้าอาจหาพวกเขาเจอท่ามกลางซากศพ
จงฟังข้า หัวหน้าทั้งหลายของข้า หัวใจข้าอ่อนล้าและโศกเศร้า
ณ ที่ดวงตะวันฉายแสง ข้าจะไม่สู้รบอีกต่อไป“
จากประวัติศาสตร์การสู้รบอันขมขื่นของผู้เป็นเจ้าของทวีปอเมริกามา 2,000 กว่าปี ที่ต้อง “ลุกขึ้นมาต่อสู้กับคนขาวที่เข้ามารุกรานแย่งชิงดินแดนของพวกเขา” นักรบอินเดียนแดงเผ่าแล้วเผ่าเล่าต่างยืนหยัดต่อสู้ผู้บุกรุก สงครามแต่ละครั้งทำให้อินเดียนแดงต้องสูญเสียทุกสิ่งลงไปเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงแน่วแน่ในจิตวิญญาณของพวกเขาคือ ความรักและความเคารพต่อผืนแผ่นดิน แผ่นฟ้ากว้างใหญ่ผืนป่าทุ่งหญ้าที่เป็นแหล่งของปัจจัยในการดำรงชีวิต มิใช่หวงแหนในฐานะเจ้าของที่ครอบครอง แต่ในฐานะที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ หาใช่ในฐานะเจ้าของธรรมชาติ ที่ได้รับอากาศเพื่อหายใจเฉกเช่นเดียวกับต้นหญ้า อยู่ใต้แสงแห่งดวงตะวันที่ทาบทอท้องทุ่งในตอนเที่ยงวัน เช่น ฝูงควาย กวาง และสัตว์ป่าชนิดต่างๆ