ดาราฝ่ายอินเดียน

นสพ.ลงภาพพิธีศพ คัสเตอร์อย่างมโหฬาร

17-1

ฝรั่งจับอินเดียนมาทำไร่แทนล่าควาย ดูขัดลูกตาพิลึก

19-1

อนุสาวรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังสร้างไม่เสร็จ

crazy

วัวนั่งถูกสังหารที่ Wounded Knee

knee

ดาราฝ่ายอินเดียนอีกคนคือ เจ้าม้าบ้า ซึ่งหลังจากปราบคัสเตอร์สำเร็จก็ต้องสู้พลางหนีพลางไปจนพรรคพวกหมดแรงจึงขอยอมแพ้ในปีถัดมา เครซี่ฮอส ยังคงเป็นฮีโร่ ของเหล่าอินเดียนเสมอมา อันเป็นเรื่องที่พวกฝรั่งอึดอัดใจมาก ดังนั้นในเดือนกันยายน ค.ศ. 1877 ในขณะที่เขาได้พาภรรยาที่ป่วยออกจากที่ตั้งไปยังค่ายอีกแห่งหนึ่ง แต่ทหารกลัวว่าเขาแอบออกไปรวมพลมารบอีกจึงจับตัวเอาไว้ และยามคนหนึ่งจิ้มเขาด้วยดาบปลายปืนจนตาย ปัจจุบันมีคนขาวพ่อลูกครอบครัวหนึ่งตระกูลไซโอโควสกี้ รับอาสาพวกอินเดียนพยายามที่จะสร้างอนุสาวรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้แก่

เครซี่ฮอส ด้วยการสกัดภูเขาสูง 563 ฟุต เป็นรูปนักรบหนุ่มในท่านั่งบนหลังม้าชี้นิ้วไปข้างหน้าเฉพาะส่วนหัวม้าก็สูงเท่าตึก 20 ชั้น

น่าคิดที่ว่าหัวหน้าเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ประสบความสำเร็จในการรบที่สุด ได้จบชีวิตอย่างสงบ และสามารถพาพี่น้องอยู่รอดมาได้ กลายเป็นหัวหน้าเมฆแดง (Red Cloud) ด้วยความสุขุมเขาทนแบกหน้าไปเจรจาต่อรองรัฐบาลฝรั่งที่หลอกลวงเขามาตลอด เพื่อประคับประคองให้ชาวอินเดียนแดงพอมีชีวิตอยู่ได้ ไม่มีใครเดาใจเมฆแดงว่าเขาจะเศร้าใจต่อชะตากรรมของหัวหน้ารุ่นน้องอย่างวัวนั่ง หรือ นักรบฝีมือดีอย่างม้าบ้าเพียงใด แต่คนรุ่นหลังจะดูหมิ่นว่าเขาขลาดที่ไม่รบให้ถึงที่สุดคงไม่ได้ ในเมื่อเพราะฝีมือของเขาแท้ๆ ที่สามารถรบชนะทหารฝรั่งจนต้องยอมถอนค่ายกลับบ้านไปและยอมทำสัญญาลารามี่

น่าสนใจว่าอีก 100 ปีถัดมาศาลสูงสหรัฐได้พิพากษาให้รัฐบาลอเมริกันชดเชยค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยย้อนหลังแก่ชาวลาโกต้า เพราะถือว่าทหารได้บังคับให้เมฆแดงทำสัญญาย้ายออกจากแบล็คฮิลโดยที่พวกเขากว่าร้อยละ 90 ไม่เห็นด้วยแต่จำยอมย้ายออกไปอยู่ในเขตสงวนอินเดียนเพื่อแลกอาหารเท่านั้น และท้ายที่สุดทหารก็บุกเข้ายึดไว้ทั้งหมด เงินกว่า 500 ล้านเหรียญนี้ไม่มีอินเดียนหน้าไหนมาแตะต้องเพราะเขาถือว่าเหมือนตบหัวแล้วเอาเงินมาลูบหลัง และพวกลาโกต้าที่เหลือก็ยังถือว่าตนเองเป็นเจ้าของแบล็คฮิลโดยชอบจนถึงทุกวันนี้

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดซึ่งแม้จะเรื่องปืนมาเกี่ยวข้องค่อนข้างน้อยแต่ก็หวังว่าคนรุ่นหลังอย่างพวกเราจะได้ทราบข้อมูลอีกด้านหนึ่งไว้บ้าง ส่วนคราวต่อไปผมคงขอเปลี่ยนบรรยากาศพาท่านผู้อ่านสู่กาฬทวีปย้อนอดีตไปกับประวัติปืนเล็กยาวทหารราบอังกฤษอีกกระบอกหนึ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>