สงครามที่ราบตอนเหนือ 1864-1878
เนื่องจากความขัดแข้ง กาต่อสู้ระหว่างชนชาวอินเดียนแดงกับคนขาวและรัฐบาลมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทางรัฐจึงตัดสินใจปราบปรามชนพื้นเมืองให้ราบคาบ ส่วนทางฝ่ายอินเดียนแดงก็เตรียมกำลังปะทะต่อสู้กับรัฐบาลเช่นกัน เพราะในปี 1862 เผ่าซานตีซึ่งเป็นแขนงหนึ่งของเผ่าซูส์ถูกบังคับให้ไปอยู่ในเขตสงวนบริเวณแม่น้ำมินเนโซตากองทัพสหรัฐฯ จึงยกกำลังพลเข้าไปปราบปราม ในปี 1863 นายพลจอห์นโป๊ป ตัดสินใจยกกำลังทหารโจมตีชนพื้นเมือง กองทัพภายใต้การบัญชาของนายพลเฮนรี่.เอช.ไซบลีย์ และอัลเฟรด ซัลลีย์ ได้จู่โจมเผาลาโกตา สาขาหนึ่งของเผ่าซูส์ เผ่าแยงตัน และเผ่าแยงโตนาย ซึ่งมิได้เป็นพวกก่อการร้ายเลย การโจมตีทำให้พวกอินเดียนแดงไม่พอใจจึงหวอดไม่หยุดไม่หย่อนในที่ราบตอนเหนือ ชาวอเมริกันที่มาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้จึงได้รับผลกระทบอย่างช่วยไม่ได้ ครอบครัวแฟนนี่ เคลลี่ คือหนึ่งในหลายครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม นั้นทำให้เธอได้เป็นจักษ์พยานในเหตุการณ์ “สงครามคิลเดียร์” ในปี 1864 ซึ่งเป้นจุดผกผันในประวัติศาสตร์ที่ราบตอนเหนือ
ครอบครัวแฟนนี่และเพื่อนอีกสองครอบครัวได้เดินทางร่วมกัน และได้ถูกโจมตีโดนอินเดียนแดงเผ่าซูส์ พวกผู้ชายหนีไปได้ เธอและผู้หญิงอีกครอบครัวหนึ่งถูกจับได้ แต่ถูกเเยกจากกัน เผ่านักรบซูส์ได้พาเธอไปยังที่ตั้งมั่น หัวหน้าหมู่บ้านที่แฟนนี่ไปอยู่ด้วยคือออตโตวา หรือฉายา “ซิลเวอร์ฮอร์น” เธอได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกันตอนหนึ่งของการเตรียมตัวเข้าสู่สงครามของหมู่บ้านอินเดียนแดงที่เธออยู่ด้วยน่าสังเกตุว่าบันทึกของเธอกระจ่างชัดและเป้นกลางไม่น้อย