ปืนแทร็ปดอร์สปริงฟิลด์ดีไม่พอ

ปืนยุครบอินเดียนแดง 3 ชนิดที่พบในเมืองไทย ขวาสุดคือแทร็ปดอร์

3-1

อาวุธอินเดียน สารพัดชนิดรวมทั้งขวาน และปืนดาบศิลา

4

ปืนของอินเดียนไม่เป็นรองมีวินเชสเตอร์ 1866 เยลโล่บอยอยู่ด้วย

6

ปืนที่อินเดียนยอมเอามาจากที่ซ่อน มีปืนชาร์ปอันลือชื่ออยู่ด้วย

LBH18-1

ปืนแทร็ปดอร์สปริงฟิลด์ดีไม่พอที่จะสู้กับอินเดียนจนทำให้แนวทหารล่มลงใช่หรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจ มันยิงกระสุนหนัก 405 เกรน ด้วยดินขับ 55 เกรน (ดินดำ)ด้วยความเร็ว 1,200 ฟุต/วินาที ระยะแม่นยำหวังผล คือ 300 หลา แต่กระสุนอาจไปได้ไกลถึง 1 พันหลา ในมือทหารที่ฝึกมาดีแล้วถึงจะบรรจุทีละนัดก็อาจยิงได้ 12-15 นัดต่อนาที ได้แม่นยำ มันจึงเป็นอาวุธที่มิได้ด้อยกว่าใครในมือของทหารม้าที่ชำนาญ (ส่วนคัสเตอร์นั้นใช้ปืนส่วนตัว ปืนยาวคือ เรมิงตันลำกล้อง 8 เหลี่ยมขนาด .50 ปืนพก 2 กระบอก เข้าใจกันว่าคือเวปเลย์ดับเบิ้ลแอ็คชั่น ลำกล้องสั้นที่เรียกว่าบุลด็อกของอังกฤษ)

คำตอบในเรื่องนี้อยู่ที่ว่า

1. พวกอินเดียนก็มีปืนที่พอฟัดพอเหวี่ยงกัน จากการขุดค้นหาปลอกกระสุนของนักโบราณคดีรอบๆสนามรบในปี ค.ศ. 1980 พบว่าอินเดียนใช้ปืนคานเหวี่ยงแบบเฮนรี่ (Henry) ขนาด .44 ถึง 62 กระบอก ปืนแบบชาร์ปส์ (Sharps) อันลือชื่อขนาด .50 อีกราวๆ 27 กระบอก นอกจากนี้ยังมีปืนในท้องตลาดซึ่งมีประสิทธิภาพสูง เช่น เรมิงตัน โรลลิ่งบล็อค (Remington Rolling Block) วินเชสเตอร์ 1866 (Winchester 1866 Yellowboy) สเปนเซอร์ (Spencer)สมิธ (Smith) ไปจนถึงปืนบัลลาร์ด(Ballard) หลักฐานเหล่านี้ขุดพบในบริเวณกว้างเพียง 1 ตารางไมล์รอบๆ ยอดเนินที่คัสเตอร์จบชีวิตลงประมาณกันว่าจากนักรบ 3 พันคน นั้นใช้ธนูเป็นอาวุธเสียครึ่งหนึ่ง อีก 1 ใน 4 ใช้ปืนแก๊ป ที่เหลือคือของทันสมัยทั้งนั้น เมื่อการรบเกิดในระยะประมาณ 300 กว่าหลา นั้นอาวุธของอินเดียนก็มีความแม่นยำไม่แพ้ทหารม้าเลยแถมมีมากกว่าเสียด้วยจึงเป็นคำตอบได้บางส่วนว่าถึงมีปืนที่ดีกว่านี้ก็ไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอดได้

จากนั้นผู้สำรวจยังได้พิสูจน์ว่าอัตราการยิงของปืนประจุทีละนัดในทางทฤษฏีอาจยิงได้ 12-15 นัดต่อนาที แต่ในความวุ่นวายของสนามรบผลย่อมห่างกันมาก มีการยิงเปรียบเทียบระหว่างปืนเฮนรี่ และ สปริงฟิลด์ พบว่าในสภาพการรบปืนเฮนรี่ซึ่งใช้แม็กกาซีนหลอดจุเป็นสิบนัดยิงได้ถึง 13 นัด  ขณะที่ สปริงฟิลด์  ซึ่งผู้ยิงต้องเสียเวลาเอามือสั่นๆบรรจุลูกได้เพียง 4 นัด ในเวลาครึ่งนาทีเท่ากัน  คิดง่ายๆว่าอินเดียนยิงได้มากกว่า 3 เท่าแล้วอะไรมันจะไปเหลือ

2. แต่ประเด็นสำคัญที่ผมเคยถูกทักท้วงอยู่ที่คนครับมิใช่ที่ปืน ถ้าท่านจำพลทหารวินดอล์ฟได้ เขาเป็น 1 ในทหารร่วม 5 พันคนที่ประจำการในเขตอินเดียนแดง คนเหล่านี้พื้นฐานมาจากคนยากจนที่อพยพมาจากยุโรป มิใช่ทหารอาชีพที่ถูกฝึกฝนมาและไม่ใช่พวกที่เคยผ่านสงครามกลางเมืองมาก่อน ที่ตลกมากก็คือแม้ในหน่วยทหารม้าก็มีทหารซึ่งไม่เคยหัดขี่ม้ามาก่อนมากพอๆกับไม่เคยจับปืนเลยในชีวิต พลวินดอล์ฟบันทึกไว้ว่าส่วนใหญ่พวกเขามีวินัยหย่อนยาน มีสภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่บางครั้งอาหารก็เป็นของเหลือจากสงครามกินไม่ได้แล้ว การหนีทัพเป็นของธรรมดาอย่าให้จับได้ก็แล้วกัน  แต่พวกที่ต้องทนอยู่ก็หาทางออกด้วยเหล้า  กลายเป็นขี้เมาและสิงห์อมควันกันทั้งกองทัพ  เห็นจะเหมือนๆกับที่ทหารสหรัฐ ไปเจอของแข็งอย่างพวกเวียตกงเลยหาทางออกกับยาเสพติดนั้นเอง  พวกที่จิตใจย่ำแย่ก็ฆ่าตัวตาย (กล่าวว่ามีสูงถึง 10 %)

ถึงทหารจะขี้เมาก็ยังพอทน แต่พวกเขาขาดความชำนาญในการยิงเป็นอย่างยิ่งการฝึกยิงเป้าแทบไม่มีเลย เพราะ ทบ. กำหนดให้ประหยัดปีหนึ่งให้ยิงซ้อมมือแค่ 20 นัด จนคัสเตอร์ตายนั้นแหละจึงยอมหย่อนให้และ 20 นัดนั้นก็ใช้ยิงนกยิงหนูเล่นเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นพอเข้ารบกันจริงเลยไร้ความแม่นและไร้ระเบียบวินัยในการยิง ตกลงผมเลยขอยอมรับว่าถึงส่งปืนกลให้แต่ทหารยิงปืนไม่เป็นก็คงแพ้เจ้าม้าบ้าและพวกอยู่ดี ก็เห็นในหนังยิงร่วงผลอยๆจากหลังม้าใครจะไปนึกล่ะครับว่าจริงๆยิงโดนอินเดียนตายแค่ 40-50 คนเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>