ตำนานอเมริกันอินเดียน (4)

1176-02

เครื่องราง อย่างเช่น ฮูรอน (Huron) ใช้ป้องกันภัยจากภูตผีปีศาจและอันตราย

mulet อะมูเลท (เครื่องราง)
ชาวอินเดียนแดงมักมีเครื่องลางที่เชื่อว่ามีพลังอำนาจวิเศษที่จะปกป้องคุ้มครอง หรือทำให้โชคดี บ้างก็ให้พลัง บ้างก็ทำให้รอดตาย และมีอีกมายมายที่ใช้สำหรับการอื่นๆ เช่นช่วยให้การล่าสัตว์สำเร็จราบรื่น ป้องกันอาการปวดศรีษะ เด็กแรกเกิดมักจะต้องมีเครื่องรางไว้คุ้มครอง

เครื่องรางจะถูกพกพาไปโดยใส่ถุงเล็กๆทำจากผ้ามีสายยาวห้อยคอ หรือเอาไว้ในที่ๆคิดว่าดีที่สุด เช่นพวก อินูอิท ติดเครื่องรางกับเรือคายัคเพื่อให้การเดินเรือปลอดภัย ผู้ที่เชื่อเรื่องพลังอำนาจของเครื่องรางมีอยู่ทั่วโลกข้ามมาถึงทวีปอเมริกาเหนือ รูปแบบก็แตกต่างไปแล้วแต่ของแต่ละเผ่า เครื่องรางอาจจะเป็นวัตถุธรรมชาติ หรือทำขึ้นด้วยมือ และมีหลากหลายแบบ เช่น ขนนก, จงอยปากนก, เล็บ, และเท้าของนก, กีบเท้าสัตว์, เขา, ฟัน, กรงเล็บ, กระดูก, หินควอตซ์ คริสตัล และหินต่างๆ, ฝักข้าวโพด ต้นไม้หรือหญ้า หรือแม้แต่ชิ้นส่วนของมนุษย์ เช่นสายสะดือ

อินนูอิทมักจะใช้เครื่องรางเป็นตัวสัตว์เล็กๆที่สต๊าฟทั้งตัวเช่นกระรอกหรือนก เครื่องรางที่ประดิษฐ์ขึ้นก็มีหินที่สลักขึ้นเป็นรูปผู้คนหรือสัตว์ ทำจากกระดูกสัตว์ เปลือกหอย งาช้าง หรือไม้ ลูกปัด

Anasazi อะนาซาซี่ (ของโบราณ, ผู้ที่ชรามาก, ศัตรูเก่า)
(อะนาซาซี่, เป็นคำศัพท์ของ นาวาโฮ [Dineh] ที่ใช้เรียกผู้เฒ่าหรือบรรพบุรุษของชาวพูโบลที่ทำให้ชาวพูโบลไม่ชอบใจมาก)
อะนาซาซี่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างที่พักบนหน้าผา สร้างบ้านหลังใหญ่มากๆแบบมีหลายห้องตามภูเขาและหนังผาทางตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งถูกทิ้งร้างราว ค.ศ. 1300 (ดูเพิ่มเติม Black Mesa, Canyon De Chelly, Chaco Canyon, Mesa Verde)
หลายๆตำนานเล่าว่า ทำไมอะนาซาซี่ถึงทิ้งบ้านและหายตัวไป จากเรื่องนึงของ นาวาโฮว่า เกิดจากพายุหมุนครั้งใหญ่กระจัดกระจายไปทั่วเพราะอะนาซาซี่ทอดทิ้งบรรพบุรุษ (ดูเพิ่มเติม Cloud Swallower, Horned Water Serpent)
วัฒนธรรมของอะนาซาซี่เริ่มประมาณ ค.ศ. 100 ในแถบที่ปัจจุบันเรียกว่า พื้นที่ 4 มุม (Four Corners area) ชึ่งอยู่ในเขตของ อริโซน่า, นิวเม็กซิโก, โคโลราโด และยูท่าห์ ที่เป็นจุดของเขตแดนทั้ง 4 มาบรรจบกัน วัฒนธรรมของอะนาซาซี่แบ่งเป็น 6 ช่วงด้วยกันคือ ช่วงการผลิตตะกร้า (ค.ศ. 100-500), ช่วงผลิตตะกร้ายุคปรับปรุง (ค.ศ. 500-700), ช่วงสร้างพูโบล (ค.ศ. 700-1050), คลาสสิค พูโบล (ค.ศ. 1050-1300), ยุคถดถอยของพูโบล (ค.ศ. 1300-1700), และยุคพูโบลใหม่ (ค.ศ. 1700-ปัจจุบัน)

ผู้คนในยุคผลิตตะกร้ารู้จัการถักสานตะกร้า ที่เริ่มเปลี่ยนจากการออกล่าสัตว์มาเป็นการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ พวกเขาเพาะปลูกข้าวโพดและฟักทอง อยู่อาศัยทั้งในถ้ำและที่พักที่โครงสร้างมีเสาค้ำ ช่วงผลิตตะกร้ายุคปรับปรุง มีการทำการเกษตร การล่าสัตว์และการชุมนุมกัน ผู้คนยุคนี้เริ่มปลูกถั่ว ปลูกฟักทอง เลี้ยงไก่ และสร้างภาชนะจากดินตากแห้ง อยู่อาศัยทั้งในถ้ำและกลางแจ้ง แต่เริ่มสร้างบ้านเหนือพื้นดินและมีห้องใต้ดิน ห้องเหนือพื้นดินใช้สำหรับเก็บของและอาหาร ส่วนห้องใต้ดินใช้สำหรับทั้งการทำพิธีและอยู่อาศัย ช่วงสร้างพูโบล บ้านมีขนาดใหญ่ขึ้น ใข้หินเป็นเสาและส่วนอื่นของการสร้าง ใช้ห้องชั้นบนสำหรับอยู่อาศัย และห้องใต้ดินเป็น คิวาส(Kivas) ซึ่งเป็นห้องทรงกลม สำหรับใช้ทำพิธีต่างๆ ช่วงคลาสสิคพูโบล เป็นช่วงที่มีการพักอาศัยคล้ายอพาร์ทเม้น บางที่มีมากถึง 1,000 ห้อง สร้างในราวๆ ค.ศ.1300 เมืองเหล่านี้ได้ถูกทิ้งร้างในที่สุด ทฤษฎีใหม่ของเรื่องนี้ว่าเพราะความแห้งแล้งทีเกิดขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1276 ถึง 1299 และการเคลื่อนย้ายถิ่นของ นาวาโฮ และ อาปาเช่ มาจากทางเหนือ เมื่อชุมชนใหญ่ของอะนาซาซี่ถูกทิ้งร้างและผู้คนได้ย้ายถิ่นไป ได้เกิดการก่อตั้งชุมชนใหม่ขึ้นแถบหุบเขาริโอแกรนด์ในนิวเม็กซิโกและไวท์เมาเท่นในอริโซน่า การย้ายถิ่นนี้เป็นจุดเริ่มของยุคถดถอยของพูโบล ในที่สุด ผู้คนก็ย้อนกลับมาที่ แถบลาดเขา แบล๊คเมซา ของอริโซน่า ช่วงแห่งการเดินทางอย่างไร้จุดหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเกิดชุมชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด Hopi creation (ดูเพิ่มเติม HOPI EMERGENCE AND MIGRATION)
ตามประเพณีเล่าว่า โฮปิ (Hopi) ย้ายถิ่นฐานมาจากโลกก่อนผ่านมาทาง สิปาปู (Sipapu) ถ้ำแห่งหนึ่งในแกรนด์แคนยอนที่ยาวตลอดลำน้าย่อยโคโลราโด หรือใกล้กับจุดที่ลำน้าย่อยและสายใหญ่ของแม่น้ำโคโลราโดมาบรรจบกัน การย้ายถิ่นนั้ก็เพื่อจะหาถิ่นที่อยู่ใหม่ หลังจากค้นหาดินแดนและเรียนรู้โลกมากขึ้นแล้ว ในที่สุดก็กลับมาที่ศูนย์กลางที่แบล็คเมซา (ดูเพิ่มเติม Masau’u) เมื่อสเปนเริ่มแผ่อิทธิพลในช่วงเริ่มตันของยุตพูโบลใหม่ประมาณ ค.ศ. 1700

ANGUTA อันกุทา – อินูอิท
ผู้ซึ่งอยู่กับ เซดน่า เทพเจ้าแห่งทะเล ใน แอดลิวุน ในโลกแห่งความตาย อันกุทา จะนำพาผู้ที่ตายลงไปสู่ แอดลิวุน หลังจากได้หลับข้างๆ อันกุทาเป็นปีๆ บางดวงวิญญาณก็ได้ไปที่ แอดลิพามุท (Adliparmiut) หรือคุดลิพามุท (Qudliparmiut) ที่ซึ่งลึกลงไปกว่าและมืดมิดกว่าภายใต้ แอดลิวุนซึ่งเป็นที่ที่อนุญาตให้ล่าได้ แต่พวกฆาตกรหรือนักฆ่าจะยังต้องอยู่ต่อไปในแอดลิวุน

1176-03

1176-04

1176-05

1176-06

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>