สาเหตุการตายของคัสเตอร์

รายชื่อทหารที่ตาย มีชื่อเจ้า Bloody knife และน้องชายของคัสเตอร์

LBH2-1

แท่นหินจารึก จุดที่ทหารล้มลง

LBH16-1

ในสงครามกลางเมืองอเมริกานั้นทหาร 1 พันคนอาจยิงข้าศึกที่ห่างไปแค่ 50 หลาคว่ำนาทีละแค่ 1-2 คน ในอาการตื่นสนามรบ ในเวียตนามยุคปืนอัตโนมัติอเมริกาผลาญกระสุน 5 หมื่นนัดต่อเวียตกง 1 คน ที่ลิทเทิลบิ๊กฮอร์น เรโนยิงไป 5 พันนัดในการควบเข้าโจมตี แต่ถูกอินเดียนตายไปแค่ 2 คน! ทหารอังกฤษที่รบชาวซูลู ค่อยมีสติหน่อยคงเพราะมีไม้เรียวคุมแถวสามารถยิงถูกเป้า 1 คน ต่อ กระสุนเพียง 13 นัด

ผลของความผิดพลาดทั้งหมดนี้มาปรากฎชัดต่อนักนิติเวชเมื่อปลอกกระสุนที่ขุดพบบอกตำแหน่งทหารห่างกัน 5 หลาจุดละไม่กี่ปลอกและก็พบว่าทหารที่เสียขวัญแตกแถวมารวมเป็นกลุ่มๆระดมยิงไปรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาถูกฝึกให้รบในระยะไกลผิดกับอินเดียนที่รบแบบอิสระในระยะประชิด คล่องแคล่วในการใช้มีด หอกและขวาน แม่บ้านชาวไชแอนชื่อ แม่เคทหัวโต (Kate Big head) เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมรบวันนั้นเล่าภายหลังว่า

“พวกอินเดียนใช้ธนูเป็นส่วนใหญ่และคลานเข้าไปตามพงหญ้า มีทหารม้าบางคนควบม้าหนีแต่ถูกล้อมไว้ ฉันเห็นทหารคนหนึ่งโดดลงจากม้าแล้วยิงตัวเอง ทหารอื่นเลยยิงตัวตายตาม พวกเธอที่ซ่อนอยู่ส่วนมากคือวัยรุ่นเห็นได้ทีก็ลุกฮือขึ้นพร้อมๆกัน ทำให้ม้าของทหารตกใจทิ้งคนขี่วิ่งหนีออกไป” พอแถวล่มพวกที่เหลือก็เผ่นไปหาคัสเตอร์ แลัวถูกสอยร่วงทีละคน 2 คนไปจนถึงยอดเนิน สิ่งที่นักสำรวจค้นพบคือร่องรอยของการถอยหนี ทหารที่ตายอยู่ต้นแถวพบปลอกกระสุนที่ยิงแล้วตกอยู่เป็นจำนวนมาก  แต่บริเวณหลุมศพพวกที่อยู่ปลายแถวแทบไม่มีปลอกกระสุนตกอยู่เลย  สันนิฐานว่าตายในขณะวิ่งหนีขึ้นไปรวมกับพวกที่อยู่บนยอดเนินนั่นเอง

พยานอีกคนคือหนุ่มน้อยพระจันทร์คู่ (Two Moons) ซึ่งวันนั้นอายุเพียง 15 ปี เล่าไว้ในปี ค.ศ. 1908 “พวกเรายิงคนขาวอย่างง่ายดาย แล้ววิ่งไล่ตามไปเหมือนไล่ยิงควายป่า พวกคนขาวที่เหลือราว 50 คน ก็ไปยืนออกันบนยอดเนิน เป็นเป้านิ่งของลูกธนูจนหมด”

คัสเตอร์จะตายอย่างไรไม่มีใครทราบแน่ชัด ตัวเจ้าม้าบ้าก็คุมอินเดียนโอบมาอีกด้านหนึ่งมิได้เข้าตีปะทะตรงๆ อย่างในหนัง ผู้ชนะพอรู้ว่ารบกับคู่แค้นเจ้าเก่าก็เข้าคว้าอาวุธเสื้อผ้าของใช้ไปจนหมดและรุมสับร่างไร้วิญญาณเป็นชิ้นๆให้หายแคน ดังนั้นการรบน่าจะจบอย่างรวดเร็วในสภาพน่าอนาจใจมากกว่า หันหลังชนกันจนคนสุดท้ายที่มาระบายสีกันภายหลัง นักสำรวจพบอีกว่าบนยอดเนินเกิดโกลาหล ทหารที่ตื่นตกใจบางคนจุกระสุนไม่ทัน มีลูกปืนที่ยังไม่ได้ยิงหล่นอยู่หลายนัด ทหารบางส่วนถอดใจวิ่งหนีลงไปที่ร่องน้ำท้ายเนิน  และจบลงด้วยการถูกอินเดียนล้อมยิง จึงถือว่าเป็นจุดสุดท้ายของการรบที่แท้จริง ส่วนเรโนและพวกนั้นแม้จะห่างไปแค่ 4 ไมล์ ก็มองไม่เห็นเหตุการณ์ได้แต่แช่งชักหักกระดูกคัสเตอร์ที่ไม่มาช่วย เขาถูกล้อมยิงตลอดคืนเพราะอินเดียนต้องการถ่วงเวลาให้รื้อค่ายอพยพหนีต่อไป เรโนทนตากแดดอยู่ 2 วันจึงพบว่าข้าศึกหนีไปหมดแล้วเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าของทหาร 263 คนนอนอยู่เกลื่อนทุ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>