เจ้าม้าคะนอง (2)

littlebighornn

ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1876 ชาวอินเดียนกว่าหนึ่งหมื่นคนได้ไปรวมกำลังกับ ซิทติ้งบูลล์ โดยในจำนวนนี้เป็นนักรบเกือบสามพันคน อินเดียนทั้งหมดได้อพยพไปตั้งค่ายโดยตั้งกระโจมเรียงรายอยู่ตลอดริมฝั่งแม่น้ำลิตเติ้ล บิ๊กฮอร์น แต่อีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง นายพลคัสเตอร์พร้อมกองทหารม้าที่เจ็ดซึ่งจำนวนหกร้อยกว่าคนก็ตามมาถึง พวกเขาบุกเข้าโจมตีในตอนเช้ามืด โดยเข้าทะลวงค่ายพวกซูส์ ขณะยังไม่ทันรู้ตัว ทหารม้าของคัสเตอร์สังหารชาวอินเดียนไม่เลือกว่าผู้หญิงหรือเด็ก

ท่ามกลางความวุ่นวาย ซิทติ้งบูลล์ และ กัลล์ ได้พยายามรวบรวมนักรบที่กำลังแตกหนีให้หันหน้า เข้าต้านทานกำลังของข้าศึก ทหารม้ากองหน้าที่นำโดยพันเอกรีโนบุกตีเข้ามาแต่ก็ถูกนักรบของกัลล์ ตีโอบปีกทั้งสองข้างจนต้องล่าถอย

ขณะนั้นนายพลคัสเตอร์ก็นำกำลังส่วนใหญ่บุกข้ามแม่น้ำเข้ามา ซิทติ้งบูลล์สั่งให้เหล่านักรบกระจายกำลังดักซุ่มรอพวกทหารเข้ามาในวงล้อม เวลาเดียวกันนั้นเอง เครซี่ ฮอร์ส ก็นำกำลังจากอีกฝั่งหนึ่งเข้ามากระหนาบทหารม้าของคัสเตอร์  เมื่อหมดหนทางถอย คัสเตอร์จึงนำกำลังที่เหลือขึ้นไปยึดพื้นที่บนเนินเขาไว้ แต่วงล้อมของนักรบซูส์ ก็บีบเข้ามาเรื่อย ๆ พวกทหารถอดเอาอานม้าและสัมภาระมาวางเป็นที่กำบังแต่ก็เปล่าประโยชน์  พวกอินเดียนกระชับวงล้อมและระดมยิงเข้ามาเรื่อย ๆ จนในที่สุด ก่อนเย็นวันนั้น คัสเตอร์และกำลังทหารอีก 267 นายเองก็ถูกสังหารจนหมดส่วพวกอินเดียนสูญเสียนักรบไปเพียงหนึ่งร้อยหกสิบคนเท่านั้น

หลังจากการรบจบลงไม่นาน สายของพวกซูส์ได้เข้ามารายงานว่า พบกองทหารขนาดใหญ่เคลื่อนกำลังเข้ามา ซิทติ้งบูลล์เห็นว่า การเผชิญหน้ากับกองทหารขนาดใหญ่ตอนนี้ ไม่เป็นผลดีนัก จึงสั่งถอนค่ายถอยหนีต่อไป

ความปราชัยยับเยินของกรมทหารม้าที่ 7 ทำให้กองทัพบกสหรัฐโกรธแค้นมาก และปฏิบัติการล้างแค้นก็เกิดขึ้น กองทหารม้าถูกส่งไปสังหารชาวอินเดียนทุกคนที่พบ ไม่ยกเว้นแม้แต่พวกที่อยู่ในเขตสงวน จากนั้นก็ส่งกำลังมหาศาลไล่ล่าพวกซูส์ แม้ว่าในระยะแรกเครซี่ ฮอร์ส ยังสามารถเอาชนะทหารม้าสหรัฐได้ด้วยกลยุทธ์

ใหม่ๆ แต่ก็มีการสูญเสียกำลังรวมทั้งเสบียงและอาวุธ เรื่อยๆ  ขณะที่ฝ่ายทหารได้รับการสนับสนุนทั้งกำลังและอาวุธเพิ่มเติมอยู่ตลอด ในที่สุด ซิทติ้งบูลล์ และกัลล์ ตัดสินใจจะนำประชาชนอพยพ ขึ้นเหนือ ข้ามเข้าไปในเขตแดนแคนาคาเพื่อลี้ภัย และชักชวนเครซี่ ฮอร์ส ให้ไปด้วย ทว่าเครซี่ ฮอร์สปฏิเสธที่จะละทิ้งแผ่นดินแม่ของตน และยังยืนหยัดสู้ต่อไป

ในตอนนี้ เครซี่ ฮอร์ส มีนักรบเหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยคน  แต่นายพลครู้ดที่ไล่ล่าพวกเขา มีกำลังทหารหลายพันนาย ทั้งทหารม้า ทหารราบและทหารปืนใหญ่ เกวียนบรรทุกเสบียง 148 เล่ม และล่อบรรทุกกระสุนกว่า 400 ตัว อย่างไรก็ตามในการเผชิญฆน้ากัน เครซี่ ฮอร์ส ก็ยังสามารถเอาชนะข้าศึกได้ด้วยยุทธวิธีใหม่ ๆ ได้เสมอ  จนย่างเข้าฤดูหนาว ความทารุณของอากาศคร่าชีวิตเด็กและคนชรา จำนวนมาก ขณะเดียวกันพวกเขาก็ขาดแคลนทั้งกำลัง เสบียง อาวุธ และที่พักป้องกันความหนาวเย็น

ในที่สุด เมื่อไม่อาจทนเห็นคนของตนทุกข์ทรมานได้อีกต่อไป   เครซี่ ฮอร์ส  จึงตัดสินใจยอมจำนนกับกองทหารของนายพลครู้ด โดยหวังว่าเด็กและผู้หญิงอาจได้รับอาหารและผ้าห่มบ้าง ทางกองทัพยอมรับการยอมจำนนของเครซี่ฮอร์ส และอนุญาตให้คนของเขาอาศัยอยู่ในเขตสงวนริมแม่น้ำพาวเดอร์ได้

ทว่าเมื่อเครซี่ ฮอร์สและนักรบของเขามาถึงป้อมโรบินสันในเนบราสก้า เมื่อปี ค.ศ. 1877  เพื่อมอบตัวกับกองทัพ มีทหารมาเชิญ เครซี่ ฮอร์สไปที่กองบัญชาการ โดยอ้างว่าจะพาไปทำข้อตกลง ทว่าเมื่อเข้าไปในห้องแล้ว พวกทหารกลับเข้ามารุมทำร้ายเขา  เครซี่ ฮอร์ส ชักมีดที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มออกมาและจะฝ่าวงล้อม แต่ทหารคนหนึ่งใช้ดาบปลายปืนแทงเขาที่ด้านหลัง เขาทรุดฮวบลงและสิ้นใจโดยก่อนที่จะตายเครซี่ฮอร์สได้เปล่งเสียงร้องออกมา ซึ่งในภายหลังถ้อยคำที่เขาเปล่งออกมาก่อนตายกลายเป็นบทเพลงแห่งความตายที่มีชื่อเสียงของเผ่าซูส์

ด้วยเหตุนี้เองนักรบผู้กล้าแห่งเผ่าซูที่กองทัพสหรัฐไม่เคยเอาชนะได้แม้เพียงครั้งเดียว ก็จบชีวิตลงเมื่ออายุได้เพียงสามสิบห้าปี  นับเป็นความอัปยศครั้งหนึ่ง ในหน้าประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐ ในคืนนั้น เสียงร่ำไห้ก็ดังระงมมาจากค่ายของชนพื้นเมือง

วันรุ่งขึ้น พ่อแม่ของเครซี่ ฮอร์ส นำเกวียนมารับศพลูกชายกลับมายังค่าย หลังจากนั้นชาวซูส์ทั้งหมดถูกสั่งให้อพยพไปยังดินแดนแห้งแล้งทางตะวันตกฉียงเหนือ ระหว่างการเดินทางพ่อแม่ของเครซี่ ฮอร์ส หลบหนีจากขบวนและนำเอาหัวใจและกระดูกของเครซี่ ฮอร์สมาฝังไว้ที่ลำธารแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า วูนเดดนี

แม้จะพ่ายแพ้ แต่ในฐานะลูกผู้ชาย  เครซี่ ฮอร์ส ก็ได้ทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินแม่อย่างกล้าหาญ เยี่ยงวีรบุรุษที่สมควรได้รับการยกย่อง เรื่องราวของเขากลายเป็นตำนานไม่เฉพาะแต่ในหมู่ชาวอินเดียน ทว่ายังเป็นที่จดจำในหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *

คุณอาจจะใช้ป้ายกำกับและคุณสมบัติHTML: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>