เผ่า อะพะชี / อาปาเช่ (Apache)
อาศัยอยู่เเถบ South Plains, South West, East
คำว่า อาปาเช่ มาจากภาษาของ เผ่า ซูนี ซึ่งแปลว่า ศัตรู
เผ่าอาปาเช่ แบ่งได้เป็น หกเผ่าย่อยไปอีกได้แก่
บีดอนโคฮี, ชิอีอาเฮน, ชีเฮนนี (โอโจ คาบินเต้ หรือฮอทสปริงอาปาเช่), โชคอนเอน (ชิริคาฮัว อาปาเช่), เนนดิ และ ไวท์เมาเท่นอาปาเช่
ประชากรของของอาปาเช่ (รวมทั้ง นาวาโฮ) มาจากทางตอนเหนือที่ห่างไกล และตั้งรกรากในที่ราบทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปอเมริกาประมาณ ค.ศ. 850 พวกเขาตั้งถิ่นฐานในแดนทะเลทรายคือ เกรท บาซิน, โซโนรัน และชิฮัวชวน
นาวาโฮไม่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของชนเผ่าอาปาเช่ พวกเขาเคารพในชนชาติของตน เพียงใช้ภาษา อาทับสกัน ร่วมกับ อาปาเช่ เท่านั้น
อาปาเช่ พูดภาษา อาทับสกัน ซึ่งมาจากถิ่นฐานเดิมทางตอนเหนือของแคนาดา ซึ่งความแตกต่างนี้ แยกได้ชัดเจนด้วยสำเนียงพูด
อาปาเช่ทางตะวันตก (โคโยทีโร่) อยู่ในท้องถิ่นแถบตะวันออกของ อริโซน่า รวมไปถึง ไวท์เมาเท่น, ซิบิวคิว, แซน คาลอส และกลุ่มทางเหนือและใต้ของ ทอนโต้ แซนคาฃอส อะราไวป้า ไวท์เมาเท่น ตอนโต้เหนือและใต้ และซิบีคิว ในอริโซน่า ชิริคาฮัว และ มิมเบรโน่ ใน อริโซน่าและนิวเม็กซิโก เมสคาเลโร่ (ฟาราออน) ในนิวเม็กซิโก และเม็กซิโก จิคาริลล่า (ทินเด้) ในนิวเม็กซิโก และ โคโลราโด้ คิโอว่า-อาปาเช่(กาทาก้า) ในโอกลาโฮมา และ ลิปันในเท็กซัสและเม็กซิโก อาปาเช่ตะวันตก (โคโยทีโร่) และ อริโซน่าตะวันออก
อาปาเช่ ใช้ หนังควายไบซัน ไขมัน เนื้อ และกระดูก ทำเป็น เข็ม มีดขูดหนัง เอาเกลือจากทะเลทรายและหมู่บ้าน ทำเครื่องปั้นดินเผา ทำผ้าจากฝ้าย ทำผ้าห่ม เครื่องประดับเทอร์คอยซ์ ปลูกข้าวโพด และสิ่งอื่นๆอีกมากมาย แต่มีคนจดจำเพียงแต่สิ่งที่พวกเขาใช้มันหรือเอาไป อาปาเช่รู้จักในหมู่ชุมชนอินเดียนแดงอื่นๆเดียวคำเรียกว่า อาปาชู ซึ่งแปลว่า ศัตรู
แทคติคการการสงครามแบบการโจมตีศัตรูของกอริลล่าที่อาปาเช่ใช้นั้นเป็นรูปแบบที่พัฒนากันเองตามธรรมชาติ ชื่ออาปาเช่ เป็นชื่อที่เผ่าพูโบลจะขนหัวลุกและหวาดกลัวทุกครั้งที่พูดหรือนึกถึง รวมไปถึงพวกสเปน เม็กซิกัน และพนักงานของ แองโกล-อเมริกันที่เข้ามาพัฒนาการเกษตรและปศุสัตว์
อาปาเช่เคยมีการผูกมิตรกับ พูโบล แต่การเข้ามาของกองทัพสเปนได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งไป สาเหตุหลักของความร้าวฉานคือพวกตัวแทนค้าชาวสเปนที่จับนักโทษไปเป็นคนงานเหมืองเงินที่ ชิวาวา ทางตอนเหนือของเม็กซิโก อาปาเช่เข้าโจมตีเพื่อปล้นทุกสิ่งของชาวเสปนไม่ว่า วัว, ม้า, ปืน และนักโทษที่เป็นคนของชนเผ่า
ความกล้าหาญบ้าบิ่นของอาปาเช่ในการทำสงครามเป็นที่กล่าวถึงอย่างน่าพิศวง ว่ากันว่า นักรบอาปาเช่ สามารถวิ่งได้ถึง 50 ไมล์โดยไม่หยุด ไปมารวดเร็วว่องไวและเงียบเชียบยิ่งกว่าพวกพรานภูเขาซะอีก ช่วงปลายๆ ค.ศ. 1800 นายพลแห่งกองทัพสหรัฐที่เคยต่อสู้กับอาปาเช่ ได้ให้นิยามถึงอาปาเช่ว่า “เสือในคราบมนุษย์”
อาปาเช่ มองว่าพวกตนแตกต่างออกไปจากที่คนอื่นพูดถึง พวกเขาเผชิญหน้ากับการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด เมื่อพวกเขาโจมตีหมู่บ้าน พวกเขาทำสิ่งที่จำเป็นตามธรรมชาติ เพื่อจัดหาข้าวโพดสำหรับครอบครัวเมื่อยามขาดแคลน พวกเขาไปตามทางของตนเองเป็นส่วนมาก ย้ายจากแคมป์นึงไปอีกแคมป์นึงเพื่อตามล่ากวางและควายไบซัน เก็บรากไม้และเบอรี่ บางครั้งก็ปลูกพืชเผื่อไว้กลับมาครั้งหน้าจะได้ใช้ประโยชน์ในฤดูเก็บเกี่ยว
พวกเขาสร้างแคมป์อยู่รอบนอกของพวก พูโบล แต่งกายด้วยหนังสัตว์ ใช้สุนัขสำหรับขนของ และตั้งโครงเต้นท์เหมือนที่พักอาศัยที่เหมือนพุ่มไม้เรียกว่า วิกิอัพ วิกิอัพเหมือนเป็นที่กำบังสำหรับอาปาเช่ รูปทรงของโดมกระโจมอินเดียนแดงสร้างด้วยไม้ที่ใช้ค้ำ คลุมด้วย พุ่มไม้ หญ้า หรือ ใบอ้อใบกก มีหลุมสำหรับก่อกองไฟและปล่องควัน พวก จิคาริลล่า และ ไคโอว่า-อาปาเช่ จะตระเวณไปทั่ว ใช้ควายเพื่อบัดบังกระโจม ที่พักของ ชิริคาฮัว ก็เป็นทรงโดมแบบ วิกิอัพ ทำจากพุ่มไม้เช่นกัน
อาปาเช่ ให้ความเคารพต่อ โคโยต, แมลง และนก เช่นเดียวกับนมุษย์ มนุษย์ต่างดิ้นรน, ต่างเดินตามรอยของผู้ที่เดินมาก่อน
อาปาเช่ อยู่กับกลุ่มครอบครัวที่ขยายออกไป ส่วนใหญ่จะเป็นญาติห่างๆกัน (ฝ่ายหญิงเป็นผู้นำครอบครัว) แต่ละกลุ่มปกครองตนเองโดยความเคารพต่อหัวหน้าครอบครัว ไม่ขัดแย้ง และไม่โต้เถียงผู้รอบรู้กว่า
ข้อยกเว้นนี้เกิดขึ้นในช่วงสงคราม เมื่อกลุ่มของญาติๆ ตกลงร่วมกันที่จะต่อสู่กับศัตรู เมื่อศัตรูพักเพื่อหุงหาอาหารหรือเก็บครอบครองสมบัติที่ได้พบเจอ จะเป็นช่วงเวลาเหมาะที่สุดที่อาปาเช่จะเข้าโจมตี การเข้าทำสงคราม ก็เป็นการหาเรื่องไปตายอยู่แล้ว แต่การล้างแค้นไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ ผู้นำของกลุ่มท้องถิ่นจะเข้าพบหารือกันเพื่อเลือกผู้นำในการทำสงครามที่จะเป็นคนวางแผนในการโจมตี แต่นักรบในแต่ละกลุ่มจะขึ้นกับหัวหน้าของกลุ่มตนอีกทีนึง และเป็นอิสระต่อกันจากกลุ่มอื่น
กลุ่มของอาปาเช่ที่เรร่อนไปในแถบเดียวกันให้การยอมรับกับญาติห่างๆ อย่างเช่น
จิคาริลล่า ที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของ นิวเม็กซิโก ซึ่งมักล่าควายในที่ราบ, ปลูกข้าวโพดบนเขา
เมสคาเลโร ทางใต้ เป็นกลุ่มนักล่าที่คิดค้นการเผาพืชชนิดหนึ่งไว้ชงดื่มแก้กระหาย (เป็นที่มาของกาแฟ)
ชิริคาฮัว เป็นพวกที่โหดร้ายที่สุดของชนเผ่าทั้งหมด พวกนี้ร่อนเร่ไปตามเขตแดนติดต่อกับเม็กซิโก
กลุ่ม ที่รักสงบซักหน่อยเป็นพวกทางตะวันตกของ อริโซน่าที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของปีไปกับการเพาะปลูก
มีอีก 2 เผ่าที่แยกออกไป คือ ลิปัน และ คิโอว่า-อาปาเช่ ที่เป็นชาวทุ่งราบในทางตะวันตกของ แคนซัส และ เท็กซัส
กฎระเบียบเป็นสิ่งที่นำชีวิตของ อาปาเช่ ซึ่งขึ้นกับกลุ่มของครอบครัวผู้นำชั้นสูงที่แข็งแกร่ง ในแต่ละกลุ่มของอาปาเช่ ประกอบด้วย ญาติพี่น้องทั้งหลาย หรือกลุ่มคนในชนเผ่าที่เห็นพ้องกัน เป็นสังคมแบบง่ายๆ มีระบบเศรษฐกิจ คือมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน มีการปกครองโดยผู้นำที่ขึ้นกับญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายหญิง ข้อกำหนดผูกมัดต่างๆ เกิดจากแม่ๆของเขาเป็นผู้กำหนดให้ลูกๆ มีการห้ามแต่งงานกับคนในสายครอบครัวเดียวกัน เมื่อลูกชายแต่งงานก็จะเปลียนไปอยู่ภายใต้การปกครองของแม่ภรรยา
นอกเหนือจากกฎระเบียบของครอบครัวแล้ว อาปาเช่ ได้มีการสืบทอดเรื่องเล่าตำนานต่างๆ ของบรรพชนเสมอมาเพื่อให้รุ่นหลังได้จดจำและปฏิบัติตามความเชื่อในการอยู่อย่างเคารพต่อธรรมชาติและชีวิต หมอ ของชนเผ่า รับผิดชอบเรื่องการทำพิธีการที่เกี่ยวกับความเชื่อต่างๆ แม้แต่เรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆที่อาปาเช่ไม่เคยละเลยและให้ความเคารพอย่างมาก อาทิ ยูเซน, ผู้ให้ชีวิต ที่เป็นผู้มีพลังสูงสุด
แกนส์ หรือ วิญญาณแห่งขุนเขา เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในพิธีของอาปาเช่ ผู้ชายจะแต่ตัวประดับประดาและสมมุติเป็น วิญญาณแห่งขุนเขาต่างๆ ในการเต้นรำบูชา มีการสวมชุดคล้ายกระโปรงสั้น ทาหน้าสีดำ ทำแผ่นไม้เล็กๆยาวๆ สวมหัว ทาสีตัว และถือดาบไม้
พวกเมสคาเลโร ประกอบด้วย ผู้ติดตามและหัวหน้า พวกนี้ไม่มีผู้นำเป็นทางการอย่างเช่น หัวหน้าเผ่า หรือกลุ่มผู้นำ หลักๆของกลุ่มแล้วคือเครือญาติกัน ชื่อเมสคาเลโร เป็นชื่อที่ชาวสเปนเรียกกระบอกเพชรของพวก มาสคาล ที่อาปาเช่ใช้เป็นอาหาร เครื่องดื่ม
สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกความเป็นชนเผ่า เมสคาเลโร อาปาเช่ ในอดีตคือ : พวกเขาเดินทางยักย้ายอย่างอิสระ ไม่มีแบบแผนตายตัว บางฤดูหนาวอาจจะอยู่แถบ ริโอ แกรนด์ หรือว่าเลยไปทางใต้ บางทีก็ตามฝูงควายบนที่ราบในฤดูร้อน ตามดวงอาทิตย์ หรือถิ่นที่หาอาหารได้ง่าย ไม่เป็นเจ้าของสิ่งใดหรือที่ใดๆเลย พวกเขาทำเหมือนการคำนับนบนอบต่อทุกสิ่ง พวกผู้หญิงเป็นพวกที่รักษายิ่งซึ่งความบริสุทธิ์ สะอาด และสุภาพ เหล่าผู้นำเป็นผู้รักษาคำพูดและสัญญาอย่างยิ่ง พวกเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง ซึ่งขึ้นกับการโจมตีเพื่อทรัพย์สมบัติหรือเกียรติยศ สำหรับครอบครัวแล้วเขาอ่อนโยนมาก แต่โหดร้ายกับศัตรูอย่างที่สุด เหี้ยมโหดและเคียดแค้นอย่างยิ่งหากรู้ว่าถูกหลอกหรือถูกโกง
อาปาเช่ เป็นชนเผ่าที่รวบรวมนักล่าที่ร่อนเร่ พวกเขาชอบไล่ล่าในเกมล่าทุกชนิดในแถบดินแดนที่อาศัย โดยเฉพาะ กวางและกระต่าย เมื่อคราวจำเป็นต้องย้ายไปก็จะรวบรวม เบอรี่ป่า รากไม้ กระบองเพชร ผลไม้และเมล็ดจากต้น เมสไควร์ พวกเขาปลูกข้าวโพด ถั่ว สแควช เป็นพืชสำหรับเก็บเกี่ยว พวกเขาส่วนน้อยที่สูญเสียไปกับโรคร้ายที่มากับคนยุโรป และพวกเขาสามารถทนหนาวถึง 0 องศาได้แม้เปลือยกาย หลายๆกลุ่มของอาปาเช่ มีอิทธิพลโดยเผ่าที่พวกเขาเข้ามาสู่ซึ่งมีสมาชิกมากและมีการฝึกฝนอยู่เสมอ อาปาเช่ทางตะวันตกที่อยู่ใกล้ พวก พูโบล กลายเป็นชาวไร่ พวกจิคาริลล่า เหล่านักล่าควาย กลายเป็นผู้ทำปศุสัตว์ เหมือนกับอินเดียนที่ราบอื่นๆ เลี้ยงม้าซึ่งได้มาตั้งแต่การต่อสู่ระหว่างสเปนกับ พูโบล ในสมัย ค.ศ. 1600 คิโอว่า-อาปาเช่ พวกชาวเผ่าบนที่ราบ เหมือนพวกคิโอว่ามากขึ้นๆ มากกว่าญาติๆทางอาปาเช่ดั้งเดิม พวกโลปานส์ เลี้ยงสุนัขล่าเนื้อเหมือนพวกเม็กซิกันทางใต้
ในปี ค.ศ. 1871 มีการจัดตั้งเขตสงวน ไวท์ เมาเท่า ขึ้น ปัจจุบันคือ ฟอร์ต อาปาเช่ และเขตสงวน แซน คาร์ลอส
ในปี ค.ศ. 1897 ได้มีการแบ่งเขตสงวนออกเป็นเขตปกครองตนเองสองส่วน
ปัจจุบัน ลูกหลานอาปาเช่ทั้งหลายในเขตสงวน เป็นผู้นำในการดูแลและจัดการเขตสงวนเอง อาปาเช่ในไวท์เมาเท่น แห่งอริโซน่า ได้จัดตั้ง ซันไรซ์ พาร์ค สกี รีสอร์ท และบริษัททำไม้ ฟอร์ต อาปาเช่ ทิมเบอร์