ที่มาแห่งตำนานของอินเดียนแดง
ถึงแม้ว่าในเวลาที่อินเดียนแดงและชาวยุโรปจะเริ่มติดต่อกันจะเป็นช่วงที่ยังไม่มีการบันทึกภาษาเป็นตัวอักษร – SHAMANS –คนชราที่เป็นคนสิบต่อประเพณี ผู้เล่าเรื่อง, ความเชื่อ, และตำนาน จากรุ่นสู่รุ่นมานับร้อยปี ในช่วงหลังจากนี้ ผู้ที่สนใจอินเดียนได้เริ่มมีการบันทึกชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒธนรรม ประวัติศาสตร์ และตำนานของพวกเขา
การแพร่กระจายของชนเผ่าและการสูญพันธุ์ก็เป็นไปตามเรื่องเล่าและตำนาน บางเผ่าอย่างเช่น นาวาโฮ (Dineh) และ Hopi ยังคงอยู่ได้ยาวนานต้านทานการรุนรานจากวัฒนธรรมของยุโรปจนถึงปัจจุบัน ในวันนี้ ผู้เล่าเรื่อง ร้องเพลง Shamans และผู้อาวุโสของชนเผ่าของอินเดียนแดงทั้งหมด ยังบอกเล่าสืบทอดประเพณีสู่ลูกหลานอินเดียนแดงรุ่นใหม่
จากที่มาของคำเรียกพวกเขาที่บัญญัติกันเองว่าเป็น “ชนชาติแรก” พวกที่บันทึกแรกๆจะเป็นบาทหลวง และพ่อค้าที่มีส่วนทำให้ความยิ่งใหญ่ของอินเดียนแดงเป็นที่รู้จักทั้งความเชื่อ พิธีกรรม และเรื่องเล่า
ฟรังค์ จอห์นสัน นิวคอม (1887-1970) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ใช้เวลารวมรวม เรื่องการค้ากับ นาวาโฮ (Dineh) ในเขตสงวน เรื่องเล่า นิทาน จากหลากหลายผู้เล่า ผู้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดเกี่ยวกับผลงานการบันทึกเรื่องราวของอินเดียนแดงคือ จอร์จ แคทลิน (1796-1872) ผู้ซึ่งในช่วงปี 1832-33 ได้ท่องเที่ยวไปทั่วดินแดนของอินเดียนแดงทางตะวันตก เก็บวัตถุบันทึกเรื่องราว ทั้ง วัฒนธรรม พิธีกรรม การเฉลิมฉลอง จอร์จเป็นนักวิทยาศาสตร์ และเป็นนักมานุษยวิทยายุคแรกที่ศึกษาเรื่องราววัฒนธรรมชองผู้คนอย่างจริงจัง ใช้เวลาหลายปีในการศึกษาประวัติศาสตร์ ศาสนา เรื่องเล่า เพลง การเฉลิมฉลอง ศิลปะ ชีวิตประจำวัน และภาษาของเผ่าต่างๆ ความแม่นยำถูกต้องของเรื่องเหล่านี้ขึ้นอยู่กับผู้เล่า การแปลภาษา และผู้บันทึก เรื่องเล่าของอินเดียนแดงได้ค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ ผู้เล่าบางคนได้เสริมเรื่องของตัวเองเข้าไปทำให้เกิดเรื่องเล่าที่แตกต่างกันจนกระทั่งปัจจุบัน ล่ามของอินเดียนแดงก็มีความสามารถที่จะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ และภาษายุโรปอื่นๆ เข้าใจถูกต้องได้ไม่เท่ากัน ก่อนจะมีเครื่องบันทึกเสียง มนุษย์ได้จัดระบบของตนเองในการบันทึกภาษาอินเดียนแดง นี่ทำให้มีการเรียกชื่อหรือคำต่างๆในตำนานเรื่องเล่าที่ผิดเพี้ยนไปจากที่มีผู้บันทึกหลากหลายแตกต่างไป สื่อที่ใช้บันทึกก็เช่นกัน อย่างเช่น ฟรังค์ จอห์นสัน นิวคอม ก็เขียนเรื่องเล่าของ นาวาโฮ(Dineh) เป็นนิทานสำหรับเด็ก
พื้นที่วัฒนะธรรม
เพราะวิถีชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งแวดล้อม กลุ่มอินเดียนแดงในแต่ละถิ่นมักจะแบ่งปันบอกเล่าและสืบทอดสมบัติทางวัฒนธรรม, วิถีชีวิต, รวมทั้งภาษา อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ของอินเดียนแดงก็มีลักษณะพิเศษไปตามความเปลี่ยนแปลง
ตลอดการอพยพและการตั้งถิ่นฐานใหม่ หลายกลุ่มก็ไม่ได้เกี่ยวข้องวัฒนธรรมหรือภาษาในแถบที่อยู่อาศัย นักวิชาการทางด้านการศึกษาอินเดียนแดงได้แบ่งทวีปอเมริกาเป็นพื้นที่วัฒนธรรมอย่าคร่าวๆด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่น แบบหนึ่งได้แบ่งออกเป็น 10 วัฒนธรรมทางตอนเหนือ ทวีปอเมริกาได้รวม เม็กซิโก อาร์คติก แคลิฟอร์เนีย เกรทบาซิน เกรทเพลน นอร์ทอีสต์ นอร์ทเวสต์โคสต์ พลาตู เซ้าท์อีสท์ เซ้าท์เวสท์ และ ซับอาร์คติก
ช่วงเวลาแห่งวัฒนธรรมของอเมริกัน
ประมาณ 40,000 – 10,500 ปีก่อนคริสตกาล
– การมาถึงของ Paleo-Siberians ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาจากทวีปเอเซียและแผ่กระจายไปทั่วทวีปอเมริกา
ประมาณ 35,000 – 8,500 ปีก่อนคริสตกาล
– ช่วงของ Paleo-Indian
ประมาณ 9,200 – 8,000 ปีก่อนคริสตกาล
– ช่วงวัฒนธรรม Clovis Spear-Point (หอกปลายแหลมแบบ Clovis)
ประมาณ 9,100 – 8,000 ปีก่อนคริสตกาล
– ช่วงวัฒนธรรม Sandia and Folsom Spear-Point (หอกปลายแหลมแบบ Sandia และ Folsom)
ประมาณ 9,000 – 1,000 ปีก่อนคริสตกาล
– วัฒนธรรมในทะเลทราย Great Basin
ประมาณ 8,000 – 4,500 ปีก่อนคริสตกาล
– วัฒนธรรมในที่ราบ Plano(Plainview)
ประมาณ 5,000 – 1,000 ปีก่อนคริสตกาล
– วัฒนธรรม Archaic (ช่วงการล่าสัตว์)
ประมาณ 4,000 – 1,500 ปีก่อนคริสตกาล
– วัฒนธรรม ทองแดงเก่า รอบๆ Great Lakes
ประมาณ 1,800 – 500 ปีก่อนคริสตกาล
– วัฒนธรรม Poverty Point ช่วงแห่งการขาดแคลนอาหาร
ประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 1500
– วัฒนธรรม ช่วงการจัดรูปแบบ (Formative)
ประมาณ 1,400 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 1500
– วัฒนธรรม ช่วงการอยู่อาศัยในป่า (Woodland)
ประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 200
– วัฒนธรรม ช่วง Adena (Pre-Columbian)
ประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 700
– วัฒนธรรม ช่วง Hopewell
ประมาณ ค.ศ. 700 – ค.ศ. 1300
– วัฒนธรรม ช่วง Anasazi ทางตะวันตกเฉียงใต้ (การอยู่อาศัยในถ้ำบนเขา)
ประมาณ ค.ศ. 700 – ค.ศ. 1550
– วัฒนธรรม ช่วง Mississippian (การสร้างเนินดินตลอดลำน้ำมิสซิสซิปปี้ และสายย่อย
ประมาณ ค.ศ. 1200 – ค.ศ. 1400
– วัฒนธรรม ช่วง บรรพบุรุษอาปาเช่ และ นาวาโฮ (Dineh) อพยพสู่ตะวันตกเฉียงใต้
ค.ศ. 1492
– ช่วงที่ชาวยุโรปเข้าพบดินแดน เริ่มโดยคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่ San Salvador
ค.ศ. 1512
– ช่วงการสร้าง New Spain ซึ่งครอบคลุมดินแดนเม็กซิโกปัจจุบัน อเมริกากลาง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ฟลอริด้า เวสต์ อินดี้ส์ และฟิลิปปิส์ กฎหมายสเปนอณุญาตให้ผู้ครอบครองที่ดินชาวสเปนมีสิทธิ์จะใช้คนท้องถิ่นเป็นทาสในที่ดินของตน
ค.ศ. 1540-42
– Francisco Vázquez de Coronado ชาวสเปนเข้าสำรวจพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้และทุ่งราบทางใต้ เป็นช่วงที่มีการนำม้าเข้าสู่อเมริกา
ประมาณ ค.ศ. 1560-70
– ช่วงการจัดตั้งสหพันธ์ Iroquois แห่ง 5 ชนชาติโดยเผ่า Deganawidah และ Hiawatha
ค.ศ. 1830
– สภาคองเกรสสหรัฐฯ ผ่านมติมาตรการผลักดันอินเดียนแดงไปสู่ Indian Territory ทางตะวันตกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี้
ค.ศ. 1832 – 42
– การย้ายถิ่น Cherokee, Chickasaw, Choctaw, Creek, Seminole, and other eastern tribes สู่ Indian Territory (ปัจจุบันคือ โอกลาโฮมา)
ค.ศ. 1838
– Potawatomi เส้นทางแห่งความตาย (Trail of Death) จากการย้ายถิ่นฐานของอินเดียนแดงสู่ Indian Territory
ค.ศ. 1838-39
– เส้นทางแห่งน้ำตา เชอโรกี (Trail of Tears) จากการใช้กำลังผลักดันสู่ Indian Territory ซึ่งส่วนมากตายด้วย โรคระบาด ความหิวโหย และ การถูกข่มเหง
ค.ศ. 1876-77
– สงคราม ซู (Sioux) ที่ แบล็คฮิลล์ ร่วมด้วย ลาโกต้า, เชเยน และ อาราพาโฮ โดยการนำของ ซิตติ้งบูล และ เครซี่ ฮอร์ส
การสู้รบของ ลิตเติ้ล บิ๊ก ฮอร์น ค.ศ. 1876
การยอมแพ้ของ เครซี่ ฮอร์ส ค.ศ. 1877
ค.ศ. 1889
– เริ่มมีการเต้นรำ Ghost Dance โดย Wovoka ผู้นำทางวิญญาณของเผ่า Paiute
ค.ศ. 1889
– การสังหารหมู่ชาว ลาโกต้า ประมาณ 200 คน ระหว่างเดินทางไปร่วมการเฉลิมฉลอง Ghost Dance ที่ Wounded Knee เซ้าท์ ดาโกต้า
– การสู้รบครั้งสุดท้ายระหว่างอินเดียนแดงและกองกำลังสหรัฐฯ
A
AATAENTSIC (, Eagentci) ดู SKY WOMAN. อาทาเอนสิค (อีเกนซิ)
ผู้อยู่เบื้องบน – อาทาเอนซี (Ataensie ) ผู้สร้างโลก – อีเกนซี (Eagentci)
ABOVE-OLD-MAN กูดาตริ – กาควิท (Gudatri-Gakwitl)
ผู้เฒ่าที่อยู่เบื้องบน วิโย่ (Wiyot) ผู้สร้างโลกและทุกสิ่ง ผู้เฒ่าที่อยู่เบื้องบน ไม่พอใจนักกับมนุษย์กลุ่มแรกที่เขาสร้าง เพราะพวกเขามีขนหนาและพูดไม่ชัด เขาจึงคิดจะทำลายโลกด้วยการทำให้น้ำท่วมโลก อย่างไรก็ตาม CONDOR ได้ล่วงรู้แผนทำลายโลกนี้ เขาและน้องสาวซ่อนตัวในตะกร้าและปลอดภัย เมื่อผ่านเหตุการณ์และน้ำลดไปแล้ว โลกได้ว่างเปล่า ยกเว้นแต่นกทั้งหลาย Condor ถือเป็นฮีโร่แห่งความเชื่อ เขาและน้องสาวได้กลายมาเป็นบรรพบุรุษแห่งมนุษย์ (ดู HUMANS, ORIGIN OF เพิ่มเติม)