พิธีกรรมถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันสำหรับชนเผ่าอินเดียนแดง พวกเขามีสังคมที่เข้มงวด ทุกคนมีบทบาทเฉพาะตัวในชุมชน เช่น อาจะเป็นผู้เยียวยา นักเล่านิทาน นายพราน ฯลฯ พวกเขาจะได้ยินเรื่องนิทานสร้างโลก จิตวิญญาณของโลก และท้องฟ้า มาตั้งเเต่เด็ก รวมทั้งวัวควายที่พวกเขาล่า พวกเขายังเรียนู้สิ่งที่พวกเขาตั้งรับผิดชอบ และพิธีกรรมต่าง ๆ จะเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงเเต่ละขั้นตอนของการเรียนรู้ที่เเตกต่างกันออกไป
พวกผู้หญิงจะเป็นผู้รักษาความรู้อันศักดิ์สิทธิ์ เทววิทยา การเยียวยา ความรู้เรื่องสังคม ในขณะที่พวกผู้ชายต้องรับผิดชอบในการดำรงอยู่ของชนเผ่า โดยใช้ทักษะต่าง ๆ เพื่อการอยู่รอด เช่น การล่าสัตว์ เป็นต้น ตามตำนานการสร้างของพวกเขา ผู้หญิงถูกสร้างขึ้นมาก่อนเพื่อเลือกสิ่งที่ถูกต้องในวิถีทางเเห่งชีวิต ผู้ชายสร้างมาให้เป็นเพื่อน ด้วยวิธีนี้ผู้หญิงจึงรับผิดชอบขั้นต้นในการสอนคุณค่าเเห่งวิถีชีวิตประจำวัน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์
หลักการข้อเเรกคือ เราต้องรับผิดชอบต่อการเลือกต่าง ๆ ของเรา ในขณะที่ผู้ชายจำเป็นต้องออกไปทำสงคราม พวกเขาจะกลับบ้านไม่ได้ถ้าไม่ทำพิธีชำระล้างจิตใจให้สะอาดก่อน การคร่าชีวิตคนหรือสัตว์เป็นเรื่องสำคัญทางจิตใจ ผู้หญิงจะนำกล้องสันติมาให้เขาสูบเสียก่อนเพื่อชำระจิตใจให้สะอาด
เเม้กระนั้นก็ดี เเต่ละเผ่ายังมีสภาอาวุโสซึ่งคอยให้คำเเนะนำและปกครองเเต่ละเผ่า ผู้หญิงหรือผู้ชายสามารถดำรงตำเเหน่งเเนะนำได้ทั้งนั้น เเต่ต้องเเสดงให้เห็นการกระทำที่กล้าหาญหรือชาญฉลาดเสียก่อน
นอกจากผู้ให้คำปรึกษาที่ดีเเล้วยังมี “ตำรวจ” ของเเต่ละเผ่าซึ่งคอยดูเเลความสงบ พวกตำรวจจะเป็นคนในเเต่ละเผ่าซึ่งรวมไปถึงผู้ที่มีร่างกายเเข็งเเรงของหมู่บ้านก็ได้ เเม้จะเป็นการขัดเเย้งกันในระหว่างเผ่าหรือสังคม เเต่พวกตำรวจต้องวางตัวเป็นกลางและทำหน้าที่รักษาความสงบสันติและคอยระวังให้ชีวิตในหมู่บ้านทุกหมู่เหล่าเป้นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
ผู้เยียวยาหรือหมอยา มีบทบาทสำคัญในชีวิตของชนเผ่าอินเดียนเเดง พวกเขาถูกฝึกให้มีความสามารถพิเศษหลากหลาย เช่น เป็นหมอยาสมุนไพร ต่อกระดูก หมอยาจะใช้ยาสมุนไพร และพิธีกรรมเพื่อเยี่ยวยาคนเจ็บ พวกเขาจะเป็นผู้เยียวยาที่คอยนำทางคนหนุ่มสาวให้มีความประพฤติอยู่ในศีลธรรม ผู้เยียวยายังเป็นผู้มี “ภาพลึกลับ” ซึ่งมองเห็นว่าควรจะล่าสัตว์ที่ไหน หรือชนเผ่าใดควรจะทำอะไร หมออาวุโสในบางเผ่าจะมีพิธ๊กรรมลึกลับสำหรับพวกที่เป็นหมอยาเท่านั้น
พิธีกรรมสำหรับเข้าถึงอำนาจลึกลับ “ภาพเเห่งการค้นหา” นั้น คนผู้นั้นจะต้องหาจุดที่ห่างไกลผู้คนเเล้วอดอาหารพร้อมกับสวดจนกระทั่งผู้ช่วยจิตวิญญาณจะปรากฏและเเสดงภาพมายาให้ผู้คนเห็น ผู้ช่วยจิตวิญญาณจะต้องให้เพลงศักดิ์สิทธิ์และสิ่งต้องห้ามที่จะนำทางเเละช่วยคนนั้นไปตลอดชีวิต
วิถีหนึ่งที่คนสามารถได้อำนาจเหนือธรรมชาติก็คือ การสูบกล้องกับเพื่อนหรือเเขกของเขา ซึ่งเรารู้จักกล้องนั้นในนามของ “กล้องสันติ” พิธีกรรมนี้ศักดิ์สิทธิ์จนถึงขนาดคนในเผ่าไม่กล้าเข้าหรือออกจากกระโจมจนกว่าการสูบจะเสร็จสิ้น พิธีนี้จะเริ่มจากคนที่เป็นเจ้าบ้านจะสูบยาโดยชี้ลำกล้องขึ้นไปยังบนท้องฟ้าและสี่ทิศพร้อมกับกล่าวด้วยว่า “วิญญาณเบื่องบน จงสูบ ผืนดิน จงสูบ” เเละเขาก็สวดเพื่อขอความช่วยเหลือทางจิตใจสำหรับผู้ซึ่งอยู่ในกระโจม จากนั้นก็สูบยาเเล้วส่งกล้องไปตามเข็มนาฬิกา กล้องจะถูกส่งต่อไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางความเงียบจนกระทั่งทุกคนสูบยากันจนหมดหรือไฟดับ สิ่งที่ใช้บรรจุในลำกล้องเพื่อสูบจะเเตกต่างกันไปตามชนเผ่า อินเดียนแดงที่อยู่ทางใต้จะผสมยาเส้นกับสมุนไพร ขณะที่ชนเผ่าเหนือจะผสมยาเส้นกับเหยื่อหวายสีเเดงมากกว่า
พิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญที่สุดสำหรับชนเผ่าในที่ราบนี้คือการเต้นบูชาดวงตะวันหรือซันเดนซ์ ซึ่งเป็นการให้เกียรติดวงตะวันและพลังสร้างสรรค์ที่ดวงตะวันเป็นตัวเเทน และเฉลิมฉลองความกล้าหาญของนักรบที่เต้นรำด้วย ชนเผ่าที่ราบใหญ่ส่วนมากจะประกอบพิธีเต้นรำในที่พัก ซึ้งสร้างเป็นพิเศษสำหรับพิธีกรรมนี้ โดยทำด้วยไม้เเละกิ่งหลิว เเม้ว่าเผ่าซูส์จะเต้นรำกลางเเจ้งก็ตาม
ชนเผ่าที่ราบจะชอบการเต้นรำเเละการร้องเพลงมาก เครื่องดนตรีของพวกเขามีเครื่องเขย่าด้วยน้ำเต้าเเห้งบรรจุทรายและกลองหลากหลายชนิด เช่น กลองไม้ซึ่งมีไม้ตีกลอง กลองหนังที่ตีด้วยมือมีการใช้ขลุ่ยด้วย ซึ่งปกติเเล้ว ขลุ่ยจะใช้ส่งสัญญาณระหว่าวงคู่รักหนุ่มสาว
เด็กชายที่โตเป็นหนุ่มได้เต็มที่ เขาจะต้องไปค้นหาภาพเเห่งการค้นหาเพื่อให้เป็นชายที่สมบูรณ์ ถ้าเขาประสบผลสำเร็จและจะได้เห็นภาพนั้น ส่วนผู้หญิงเมื่อมีระดูเป็นครั้งเเรกเธอจะได้รับการเฉลิมฉลองให้เพื่อเป็นเกียรติ และเธอต้องมีส่วนในการชำระล้างให้บริสุทธิ์ซึ่งเเสดงให้เห็นว่า เธอได้กลายเป็นสาวโดยสมบูรณ์
เเม้ว่าการเเต่งงานเเบบคลุมถุงชนยังมีอยู่ เเต่หญิงชายของชนเผ่าส่วนใหญ่จะเกี้ยวพาราสีกันเอง ตกหลุมรักกันเเล้วก็เเต่งงานกันหรือบางทีก็หนีตามกันไป ถ้าการเเต่งงานล้มเหลว การหย่าร้างก็เกิดขึ้นได้ด้วยวิธีการโยนสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของอีกฝ่ายทิ้งไป ถ้าผู้ชายร่ำรวยก็สามารถมีเมียคนที่สองได้ และเเทนที่เมียเเรกจะเกลียดความคิดนี้ เธอกลับชอบมากกว่า เพราะจได้มีผู้หญิงมาช่วยเธอทำงาน
เมื่อคนในชนเผ่าเกิดการเสียชีวิต ญาติสนิทโดยเฉพาะผู้หญิงในครอบครัวจะเเสดงอาการคร่ำครวญ ร้องไห้ตีออกชกหัวทึ่งผมเผ้าตัวเองเพื่อเป็นการเเสดงความเศร้าโศกอาลัยเเละบางทีก็ตัดผมของตัวเอง
หลังจากงานศพเสร็จสิ้น ครอบครัวจะทิ้งหรือเผาข้าวของของผู้ตายและจะไว้ทุกข์เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ด้วยการใส่เสื้อผ้าเก่า เเละทาใบหน้าด้วยขี้เถ้า ชื่อของคนตายจะไม่มีการพูดถึงในเเง่ไม่ดีเพื่อให้ผู้ตายได้พักผ่อนอย่างสงบ